ราชันย์เทพยุทธ์ - นิยาย ราชันย์เทพยุทธ์ : Dek-D.com - Writer
×

    ราชันย์เทพยุทธ์

    ลองอ่านเลยงับ แนวพระเอกเทพ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,347

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.34K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    14
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.ค. 64 / 16:21 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ระดับพลัง (อัพเดทตามเนื้อเรื่อง)

    ผู้ฝึกยุทธ์ ขั้น 1-10

    ปรมาจารย์ดิน ขั้น 1-10

    ปรมาจารย์ฟ้า ขั้น 1-10


         สถานที่ลึกลับที่อยู่ปลายสุดของเขตแดนโลก...สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดมิดมีเพียงดวงดาวขนาดเล็กจับกลุ่มรวมกันเป็นสะพานพาดผ่านทอดยาวสุดสายตา บนสะพานดวงดาวนั้นปรากฏร่างแก่ชราผมเผ้าขาวโพลนกำลังเดินโซเซไปมาสายตาดูเลื่อนลอย เสื้อผ้าที่สวมใส่ยับเยินสกปรกบางจุดยังขาดวิ่นเป็นรูโหว่ตรงเอวห้อยสะพายไหสุราเอาไว้ใบหนึ่งคาดว่าคงแห้งเหือดไปนานแล้ว
    กลางหมู่ดาวนับล้านที่มารวมตัวกันเป็นสะพานไม่รู้ว่าเวลาผ่านพ้นไปยาวนานเท่าไหร่ที่เขาก้าวเดินไปไม่เคยหยุดจนสุดท้ายที่ปลายทางแสงดาวก็ปรากฏประตูโบราณขนาดใหญ่บานหนึ่ง! ประตูบานนี้สร้างจากศิลาเก่าแก่มีร่องรอยผุกร่อนไม่รู้ว่าผู้ใดสร้างขึ้นมาหรือคงอยู่มาแล้วเนิ่นนานเท่าใด
    “ถึง...แล้ว…”
    ริมฝีปากที่แห้งผากขยับขึ้นอย่างช้าๆเปล่งเสียงแหบพร่าโรยรินออกมา แต่ทว่าในดวงตาที่ดูเลื่อนลอยเช่นก่อนหน้านี้กลับมลายหายไปอย่างสิ้นเชิงเหลือไว้เพียงดวงตาสุกสกาวจดจ้องไปยังบานประตูเท่านั้น! สองเท้าที่สั่นเทาค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆจนกระทั่งร่างที่ทรุดโทรมของเขาไปหยุดอยู่เบื้องหน้าประตูโบราณ
    สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปมาราวกับกำลังสนทนากับใครบางคน ผ่ามือที่แห้งเหี่ยวยกขึ้นโบกไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรงทว่าภายในความมืดมิดกลับเกิดการสั่นไหวเป็นระลอกจนสุดท้ายเบื้องหน้าที่เคยว่างเปล่าก็มีหยกห้าชิ้นลอยวนอยู่!แทบจะในทันทีที่หยกทั้งห้าชิ้นปรากฏขึ้นแสงดวงดาวก็พลันไหลวนไปทางประตูโบราณราวกับหลุมดำไร้สิ้นสุด!
    วู้ วู้
    แสงดาวนับล้านถูกดูดเข้าไปภายในประตูโบราณทำให้ท้ายที่สุดประตูศิลาเก่าแก่บานนี้ก็พลันเจือแสงสีเงินจางๆออกมาปะทุกลิ่นอายลึกล้ำ! ภายใต้แสงสีเงินที่ปกคลุมประตูโปรานอยู่นั้นราวกับมีดวงตาอันลึกลับกำลังจ้องมองเขาอยู่ พริบตาที่ชายชรามองเข้าไปที่ประตูโบราณความรู้สึกก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้ถูกแทนที่ด้วยความหนักอึ้งเหมือนจมลึกอยู่ใต้มหาสมุทร!
    “นับแต่โลกใบนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเจ้าคือผู้มาเยือนคนที่สิบเจ็ด...การข้ามผ่านไปยังโลกใบใหญ่ของคนจากโลกใบเล็กจะต้องละทิ้งสังขารถือกำเนิดใหม่เท่านั้น! และด้วยกฎนี้ความทรงจำดั้งเดิมและรากฐานวิญญาณของเจ้าจะถูกผนึกเอาไว้ถือเป็นค่าตอบแทนความพยายามที่เจ้าสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้!”
    น้ำเสียงเก่าแก่โบราณดังลอดออกมาจากประตูศิลาอธิบายถึงกฎเกณฑ์บางอย่าง แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้คือสิ่งที่ถูกเรียกว่าโลกใบเล็ก! และประตูบานนี้ก็คือจุดเชื่อมโยงระหว่างโลกใบเล็กและโลกใบใหญ่ที่น้ำเสียงบรรพกาลนั้นพูดถึง! อย่างไรก็ตามราวกับคนหูหนวกสายตาของชายชรากลับมาเลื่อนลอยอีกครั้งเหม่อมองไปยังความมืดมิดตรงหน้า
    ภายในดวงตาของเขาเกิดเป็นภาพมายาสะท้อนขึ้นมามากมายไล่เรียงเป็นฉาก เด็กหญิง เด็กชาย...จวบจนกระทั่งชายชราทั้งหลาย ภาพของบุคคลเหล่านี้ค่อยๆปรากฏขึ้นมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสานธารตกลงสู่พื้น เป็นเช่นนี้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเรื่องราวมายาก็ดำเนินมาจนถึงฉากสุดท้าย
    ชายหนุ่มคนหนึ่งร่างกายเปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลังองอาจดุจจอมราชันย์! เขาลอยตัวอยู่เหนือแผ่นดินรกร้างกว้างใหญ่ที่อาบนองไปด้วยโลหิตของคนนับล้าน! สถานที่แห่งนี้ก็คือสนามรบ! เขากระโจนเข้าหาศัตรูบุกทะลวงฆ่าฟันโดยไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้ง ทว่าในเวลานั้นที่ปลายขอบฟ้าของฝ่ายศัตรูกลับปรากฏชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองจ้องมองมาทางเขาอย่างเย็นชา ชั่วขณะนั้นร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้ายหยุดนิ่งไม่อาจเคลื่อนไหว! ชายวัยกลางคนชุดทองคนนั้นชีนิ้วมาทางเขาก่อนจะเกิดเป็นดัชนีสีทองทะลวงผ่านนภากาศมาอย่างรวดเร็ว...นั่นคือภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่จะสลบไป
    หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ชายหนุ่มก็ค่อยๆฟื้นตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเขาได้รับการรักษาและถูกผนึกเอาไว้ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง! และที่ยิ่งไปกว่านั้นภายในผนึกนั้นเต็มไปด้วยกระแสปราณที่ตัวเขาคุ้นเคยมากมายหลายสายโดยที่เด่นชัดที่สุดก็คือกระแสปราณของอาจารย์เขาเอง!
    สิบปีผ่านไปตราผนึกคลายออก ชายหนุ่มที่ถูกขังเอาไว้ก้าวเท้าออกจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเพียงก้าวแรกที่ผ่านพ้นหมอกหนาออกมาดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้างเลื่อนลอยไร้จิตวิญญาณ สิ่งที่เขามองเห็นอยู่เบื้องหน้าก็คือภาพของเศษซากผืนดินและแผ่นฟ้าที่แตกกระจายออกเป็นเศษเสี้ยวนับล้าน! ผ่านไปเนิ่นนานเข้าจึงได้เข้าใจว่าโลกใบนี้ได้ดำเนินมาถึงจุดจบแล้ว!
    มาถึงตอนนี้ฝ่ามืออันเหี่ยวย่นของชายชราพลันยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตาออกไป ดวงตาที่เลื่อนลอยกลับมากระจ่างใสอีกครั้งและยิ่งไปกว่านั้นก็คือไฟโทสะที่ลุกโชนอยู่สะท้อนภาพของชายวัยกลางคนชุดทองราวกับว่าเขาต้องการสลักภาพนี้ให้ลึกลงไปในจิตใจอย่างไม่ลืมเลือน!
    สูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่งฝ่ามือเหี่ยวย่นนั้นก็พลันกดลงไปที่หน้าผากของตัวเองทำให้ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั่วร่างกายจนสั่นสะท้าน! ที่หน้าผากของเขาปรากฏไข่มุกสีดำสนิทเม็ดหนึ่งผุดออกมาลอยค้างอยู่กลางอากาศ ใบหน้าของชายชราซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัดเขาคว้าจับไข่มุกเม็ดนั้นเอาไว้จ้องมองมันด้วยสายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย
    “เสี่ยวเฮย...ข้าติดค้างเจ้าเอาไว้มากมายจริงๆ ไม่รู้ว่าที่เจ้าบอกกับข้าเป็นความจริงหรือเรื่องโกหก...แต่หากมีวาสนาต่อกันจริงหวังว่าข้าจะมีโอกาสได้ชดเชยทุกสิ่งให้กับเจ้า!”
    พูดจบดวงตาของเขาก็ปรากฏความเด็ดเดี่ยวขึ้นมาในฉับพลัน! พริบตานั้นฝ่ามือที่จับไข่มุกสีดำเอาไว้ก็พลันบีบเข้าหากันบดขยี้จนไข่มุกเม็ดนั้นแหลกละเอียด! ผงสีดำร่วงโรยลงแม้ไม่มีลมแต่กลับคล้ายถึงพัดไหลไปตามอากาศห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้เป็นเกราะคุ้มกันชั้นหนึ่ง! ห้วงบรรยากาศอันมืดมิดบนสะพานดวงดาวสั่นไหวเกิดเป็นรอยปริแตกนับไม่ถ้วน! รอยแยกมิติเส้นเล็กๆเกิดขึ้นและดับลงดำเนินอยู่เช่นนั้นไปจนชั่วเวลาหนึ่งรอจนเกราะคุ้มกันสีดำจางหายไปทุกอย่างจึงกลับสู่สภาพเดิม
    “ไม่แปลกใจที่เจ้าสามารถก้าวมาถึงระดับชั้นที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้ได้ ที่แท้ก็ครอบครองสมบัติสวรรค์เอาไว้ชิ้นหนึ่งแถมยังได้รับการยอมรับจนสามารถใช้มันฝ่าห้วงมิติย้อนทวนเวลามาได้ถึงหนึ่งหมื่นปี!”
    เสียงเก่าแก่บรรพการดังออกมาแฝงความประหลาดใจเอาไว้ส่วนหนึ่งทำให้ใบหน้าของชายชราเผยความยินดีออกมา การย้อนทวนเวลานั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้แจ้งแน่ชัดรวมไปถึงสถานที่แห่งนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตทำให้ตัวเองก็ไม่มั่นใจจนกระทั่งได้ยินเสียงเก่านั้นดังออกมาจากประตูโบราณ
    “เนื่องจากการย้อนทวนเวลาของเจ้าที่โลกใบใหญ่ในตอนนี้ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย...แต่ดูจากช่วงชีวิตนี้ของเจ้าที่พานพบวาสนามากมายก็ไม่แน่ว่าตอนที่ไปถึงอาจจะถือกำเนิดขึ้นในชาติตระกูลอันยิ่งใหญ่! ไปเถอะได้เวลาแล้ว...”
    เสียงเก่าแก่บรรพกาลเงียบลงชายชราก็พลันก้าวเดินเข้าไปในบานประตูโบราณอย่างช้าๆ ทุกย่างเก้าของเขาจะปรากฏภาพของชายชุดทองอยู่ตลอดเวลาคล้ายต้องการให้ภาพนี้ถูกฝังแน่นในจิตใจอย่างไม่ลืมเลือนจนกระทั่งร่างของเขาผ่านพ้นหายลับเข้าสู่ประตูไป
    จงภาวนาต่อฟ้าให้ข้าไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคเดียวกับเจ้า...มิเช่นนั้นทุกอย่างที่เจ้าได้กระทำเอาไว้ข้าจะคืนให้เจ้านับพันนับหมื่นเท่า
    !”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น